“ไชน่าทาวน์ เกิดขึ้นเต็มไปหมด” นั่นคือสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดถึงประเด็นการพุดขึ้นมากมายของธุรกิจที่มาจากนักลงทุนหรือผู้เกี่ยวข้องกับทุน “จีน” ในกรุงเทพมหานคร เช่นปรากกฏการณ์การขยายจำนวนของร้าน “หม้อไฟ” ทั่วบ้านทั่วเมืองเต็มไปหมด
.
แต่ความเผ็ดร้อนของหม้อไฟก็ยังมาพร้อมกับเรื่อง “เทา ๆ” อย่างที่เราเรียกกันว่า “จีนเทา” อีกด้วย
.
ว่ากันอย่างง่าย ๆ จีนเทาที่ว่า ก็คือการเข้ามาของเงินทุนและธุรกิจที่มาจากจีน หรือเป็นจีนร่วมกับไทย แบบที่มันอาจจะไม่ค่อยถูกช่องถูกทางเท่าไหร่นัก ตามหน้าสื่อก็ว่าฟอกเงินบ้าง เลี่ยงภาษีบ้าง อะไรบ้าง ก็ว่ากันไป
.
อย่างไรก็ตาม ถูกผิดใครอย่างไรเราไม่ได้จะใส่ใจกันในวันนี้ แต่สิ่งที่เราจะใส่ก็คือ ถ้าเช่นนั้นเราจะเปลี่ยน “เทา” ให้เป็น “ทอง” ของกรุงเทพมหานครได้อย่างไรต่างหาก
.
ในวันนี้ ต้องยอมรับว่าบรรดาธุรกิจเทา ๆ ที่กระโดดข้ามเส้นถูกผิดทางกฎหมายไปมา สร้างรายได้อย่างมหาศาลและกำลังหมุนเวียนธุรกิจทางอ้อม กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นการจ้างงาน กระตุ้นแม้กระทั่งการท่องเที่ยว แต่ประเด็นก็คือว่ามันยังไม่ถูกกฎหมายนัก
.
ดังนั้นแล้ว กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะต้องคิดใหม่ได้แล้วว่า ถ้าเปลี่ยนจากปราบปราม เป็นเข้าร่วมมือ อาจจะดีกว่านี้
.
ถามว่าร่วมมือทำอย่างไร มันก็ง่ายเพียงลัดนิ้วมือ นั่นก็คือเข้าไปคุยกันตรง ๆ นั่นแหละ แต่ต้องไปพร้อมมาตรการ ทั้งกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องระบุปัญหาก่อนว่า อะไรทำให้เกิดทุนจีนสีเทาเหล่านี้ ปัญหาเรื่องภาษี กรรมสิทธิ์ ข้อบังคับกทม. หรือใด ๆ แล้วก็หาลู่ทางเอาไว้
.
ยกตัวอย่างเช่น การที่เกิดจีนเทาเพราะเขาอยากเลี่ยงภาษีและค่าธรรมเนียมพิลึก ๆ ของไทย หน่วยงานต่าง ๆ ก็อาจจะออกข้อบังคับใหม่ ให้สิทธิพิเศษบางประการ ถ้าลงทุน จ้างงาน สร้างรายได้ให้รัฐ ตามที่กำหนด คิดง่าย ๆ ก็คือเหมือนอำนวยความสะดวกแบบเดียวกับการลงทุนจากต่างชาติจำพวกโรงงานที่เคยทำมา ส่วนกทม.การอาจจะไปมองถึงการจัดพื้นที่ โดยเมืองถึงการพัฒนาเมืองหลายมิติ เช่น ถ้าลงทุนในย่าน A เพื่อให้เกิดการจ้างงาน เหมาะสมกับผังเมือง และยังสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของกทม. ก็จะได้รับสิทธิพิเศษหรืองดเว้นอะไร ๆ ที่ทุนเหล่านี้เคยเลี่ยง
.
นึกได้ง่าย ๆ เช่น ถ้าร้านหม้อไฟที่ยัง “เทา ๆ” อยู่ใน “รัชดา” ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดการของภาครัฐ ทั้งส่วนกลางและกทม. ไม่ใช่เปิดหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็จะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขต่าง ๆ ทำให้ดำเนินธุรกิจได้สะดวกขึ้น
.
เพราะอย่างที่บอกว่า แม้ว่ามันอาจจะเทา ๆ แต่โดยภาพรวมมันก็สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างความคึกคักของเมือง หมุนเวียนเศรษฐกิจทางอ้อมอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องเลิกอ้อม มาหมุนกันอย่างตรงไปตรงมาเลย
.
ส่วนใครยังดื้อ ก็ต้องดำเนินคดีอย่างเข้มงวด เพราะถือว่ายื่นไมตรีให้แล้ว พร้อมจะดูแลแล้ว ปัดมือเราทิ้งก็จับเท่านั้น
.
ถ้าเราเปลี่ยนวิถีไปอย่างนี้ได้ เราจะใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนเหล่านี้ได้มหาศาลเลยทีเดียว การจ้างงานของกทม.ก็จะเพิ่มมากขึ้น คนมีรายได้มากขึ้น เก็บภาษีได้มากขึ้นจากส่วนที่หายไป และยังดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้นอีกด้วย พร้อม ๆ กับใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเมือง สร้างย่านการท่องเที่ยวให้ดึงดูดผู้คน สมมติสนุก ๆ เช่น สร้างเมืองแห่งหม้อไฟจีน ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น
.
ที่สำคัญก็คือ นี่ยังเป็นการกำจัดการ “เก็บส่วย” ของบรรดาข้าราชการที่ไม่น่ารักทั้งหลายไปในตัวอีกด้วย จากที่เคยคอย “อำนวนความสะดวก” ให้กับบรรดาจีนเทา แต่เมื่อไม่ต้องเทาอีกต่อไป พวกไม่น่ารักเหล่านี้ก็จะต้องผิดหวัง
.
ดังนั้น เรื่องบางเรื่อง การแก้ปัญหามันง่ายแค่ลัดนิ้วมือ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาทางและจริงจังกับการแก้ปัญหาหรือไม่ เรื่องทุนจีนสีเทาก็เหมือนกัน เราเปลี่ยนมันเป็นทองให้กับกรุงเทพมหานครได้ ง่ายนิดเดียว
Comments