
เมื่อไม่นานมานี้ หนึ่งในผู้บริหารกรุงเทพท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า การที่เมืองกรุงของเราจะสามารถเป็น “Smart City” ได้นั้น ต้องเริ่มจากประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม สร้าง “Smart People” ขึ้นมา รองรับการเปลี่ยนแปลงของเมือง
ซึ่งก็ทำให้เรานั้น ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
แน่นอนว่าการจะเกิดขึ้นของ Smart City หรือพูดแบบหรูหราว่า “Digital Transformation” จะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกคนรู้และเข้าใจ พร้อมที่จะไปต่อกับความเปลี่ยนแปลง แต่ในทางหนึ่งก็ต้องเข้าใจอีกด้วยว่า โดยธรรมชาติของกระบวนการเปลี่ยนเมืองให้ทันสมัยในทุกองคาพยพ จะต้องมีผู้นำเริ่มทำก่อน
ผู้นำที่ว่า ก็คือตัวกรุงเทพมหานครนั่นเอง พูดไปก็อาจจะดูดุดัน แต่เราจะรอให้คนพร้อมก่อนไม่ได้ในเรื่องนี้ รัฐต่างหากที่จะต้องลุกมาเปลี่ยนเมืองนี้ก่อน หรือก็คือ เมืองต้องสมาร์ทก่อนคน
นั่นหมายความว่าอย่างไร นั่นก็หมายถึงว่าการที่กรุงเทพมหานครต้องลุกขึ้นมาจัดระเบียบการบริหารจัดการเมืองก่อน ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่ เช่นการเปลี่ยนระบบการให้บริการประชาชน รับเรื่องร้องเรียน ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในการออกเสียง ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเมืองที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ กรุงเทพเองต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้คนปรับตัว ให้ได้รู้และทราบถึงประโยชน์ที่จะสมาร์ทไปพร้อมกับซิตี้
เรื่องง่าย ๆ เช่นการไปทำธุระที่สำนักงานเขต หลายต่อหลายเรื่องมีความวุ่นวายและซับซ้อนมากมาย เช่นงานทะเบียน กรุงเทพต้องเปลี่ยนให้ทุกอย่างสามารถจัดการได้ด้วยระบบดิจิทัล เปลี่ยนจากกระดาษเป็นไฟล์ รวมถึงการให้ประชาชนสามารถจัดการเอกสารตนเองได้ผ่านระบบดิจิทัล ลดความยุ่งยากในการไปสำนักงานเขต ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้ในคลิกเดียว ไม่ต้องไปนอนรอคัดสำเนาเป็นวัน ๆ เสียงานเสียการ เจ้าหน้าที่ก็จะได้ลดภาระงานและสามารถไปทำอย่างอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือเรื่องอย่างการขอใบอนุญาต ยกตัวอย่างการขอเปิดร้านอาหาร หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า การขอเปิดร้านอาหารร้านหนึ่งอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อนมากมาย ต้องขอเอกสารหลายที่ ต้องไปเขต แล้ววนไปสาธารณสุข แล้ววนไปสรรพสามิตร แล้ววนกลับไปที่เขตอีกรอบ กรุงเทพควรจะผลักดันให้มันจบครบในที่เดียวได้แล้ว ไม่ว่าจะที่สำนักงานเขต หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ของประชาชน
นี่ยังเป็นแค่ตัวอย่างจากการบริหารจัดการกรุงเทพ ถ้าทำความเข้าใจจะพบว่า Digital Transformation จะนำประโยชน์มาอย่างมหาศาลให้กับกรุงเทพ
เมื่อขยับไปยังเรื่องใหญ่ ๆ สิ่งที่กรุงเทพจะได้กลับมาก็คือข้อมูล ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่จะนำไปสู่การสร้าง Smart City อย่างแท้จริง ตั้งแต่ข้อมูลความเป็นไปของประชาชน ธุรกิจ สุขภาพ การจราจร ไปจนถึงอาชญกรรม แล้วก็สามารถต่อยอดนำข้อมูลนั้นไปพัฒนาเมืองได้อย่างตรงจุด โดยทั้งหมด ต้องเริ่มที่กรุงเทพเอง อีกทั้งยังสามารถนำต่อยอดเสนอนโยบายให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้อีกต่อหนึ่งด้วย
เมื่อเราได้ทั้งหมดที่ว่ามานั้น สภาพแวดล้อมของเมืองก็จะเปลี่ยนไป และประชาชนก็จะเริ่มปรับตัวให้เขากับสภาพแวดล้อมนั้น ปรับตัวให้เข้ากับเมืองที่ทันสมัยมากขึ้น หรือก็คือพวกเขาก็จะกลายเป็น Smart People ไปเอง ต่อจากนี้พวกเขาจะเข้าใจแล้วว่า สามารถที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินชีวิตในเมือง รวมไปถึงเข้าร่วมกับการออกเสียงให้กับการพัฒนาเมือง
ดังนั้น การจะสมาร์ท แน่นอนว่าต้องสมาร์ททั้งหมด แต่ต้องมีผู้นำในการสมาร์ท ต้องสร้างโลกใหม่ให้ทุกคนปรับตัว และในเวลานี้ก็เชื่อมั่นว่า ศักยภาพของกรุงเทพในปัจจุบัน เราทำได้
Comments