ก็เป็นที่น่าชื่นใจสำหรับหลาย ๆ คนที่รักเสียงเพลง กับการที่กรุงเทพมหานครในช่วงปีสองปีที่ผ่านมามีงานแสดงดนตรีโดยศิลปินคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติกลับมามากมาย หลังจากที่ห่างหายกันไปนานจากเกิดโรคระบาดโควิด-19
ซึ่งสิ่งนี้ก็สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมศิลปะและดนตรีของผู้ว่ากทม.อย่างคุณชัชชาติ ที่ผลักดันและสนับสนุนกิจกรรมด้านนี้มาโดยตลอด
แต่แค่การผุดขึ้นของคอนเสิร์ตต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะศิลปินจากลาดพร้าว หรือจากลอสแอนเจลลิส มันจะทำให้ความเป็นเมืองคอนเสิร์ตของกรุงเทพยืนยาวได้จริงหรือ?
คำตอบก็คือ “ไม่” เพราะเราต้องมองยาวไปถึงอนาคตของผลที่จะเกิดขึ้นตามมาของการมีคอนเสิร์ต ซึ่งแบ่งได้เป็นสองเรื่องใหญ่ ๆ ก็คือการสนับสนุนการท่องเที่ยว และการพัฒนา “โลกดนตรี” ของกรุงเทพมหานคร
เรื่องแรก การมีขึ้นของคอนเสิร์ตต่าง ๆ นั้นก็เป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เช่นเสถียรภาพทางการเมือง หรือกำลังซื้อของผู้คนที่ดีขึ้นจนสามารถจ่ายค่าบัตรราคาแพงขึ้นได้ แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ แฟนเพลงที่ตีตั๋วเข้างาน ไม่ได้มีแค่คนไทย
คอนเสิร์ตจำนวนมาก โดยเฉพาะที่แสดงโดยศิลปินระดับโลกมักจะมีแฟนเพลงจากประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียงกันเดินทางกันมาสนุกสนานกันด้วย ซึ่งพวกเขาไม่ได้จ่ายให้กับแค่ผู้จัดงาน แต่พวกเขาต้อง “จ่าย” อีกหลายอย่างให้กับกรุงเทพ
ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก กินอยู่ ท่องเที่ยว และอื่น ๆ ซึ่งถ้าเรามีวิสัยทัศน์ เราจะมองเห็นว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่สำคัญมาก ๆ ของการสนับสนุนการท่องเที่ยว เพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว จะมายืนร้องเพลงขาแข็งแค่3ชั่วโมงก็กะไรอยู่ จริงไหม?
ในเรื่องนี้ เราสามารถสอดแทรกนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าไปได้มากมาย เรื่องง่าย ๆ ก็อย่างเช่นการสร้าง “แพ็คเกจ” การท่องเที่ยวขึ้นมา โดยรัฐร่วมมือกับเอกชนที่จัดงาน ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสนุก จบครบในกทม.ที่เดียว เพราะกรุงเทพเป็นทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเมืองช็อปปิ้ง เมืองท่องเที่ยวโบราณสถาน เมืองปาร์ตี้ แม้กระทั่งเมืองแห่งสตรีทฟู้ดก็เป็นได้
กรุงเทพไม่ได้มีแค่คอนเสิร์ตทั่วไป แต่ยังมีงานเทศกาลดนตรีมากมายตลอดทั้งปี ตั้งแต่ศิลปินเบอร์ใหญ่ไปถึงอินดี้ทำกันในห้องนอน จากจุดนี้เราสามารถสร้างโครงการร่วมกันระหว่างผู้จัดและภาครัฐ สนับสนุนกันไม่ว่าทางใด ๆ เช่นการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างชาติ บัตรเข้าเทศกาลดนตรี พ่วงด้วยส่วนลดค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก และแถมแพ็คเกจทัวร์กรุงเทพต่าง ๆ หรือบัตรส่วนลดใช้บริการธุรกิจการค้าที่ร่วมกิจกรรม ซึ่งหลาย ๆ อย่างที่ว่ามา หลายประเทศเขาก็เริ่มทำกันแล้ว และสร้างผลเชิงบวกต่อการท่องเที่ยวได้ไม่น้อย
ทีนี้ ผู้คนก็จะไม่ได้แค่มากรุงเทพของเราเพียงแค่ดูดนตรี แต่จะมาสนุกสนานกับเมืองของเราในมิติอื่น ๆ มากขึ้น จับจ่ายใช้สอยให้เศรษฐกิจเคลื่อนตัวต่อไป กิจการร้านค้าทั่วทั้งเมืองก็จะคึกคักตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เราจะมามุ่งหวังเพียงแค่ให้ศิลปินระดับโลกมาเป็นจุดดึงดูดอย่างเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้นเรื่องที่สองที่เราต้องผลักดันกันก็คือ ต้องยกระดับให้ศิลปินไทยของเราเป็นที่รู้จัก เป็นที่ดึงดูด และสร้างวัฒนธรรมการดูดนตรีสดของกรุงเทพให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
กรุงเทพเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยศิลปินคุณภาพมากมาย บ้างก็ดังในประเทศ บ้างก็โด่งดังในต่างประเทศ การส่งเสริมให้พวกเขาได้ “โชว์ของ” ก็จะทำให้พวกวงการดนตรีพัฒนา และยังเป็นการบอกให้โลกรู้ด้วยว่า เพชรเม็ดงามซ่อนอยู่ในกรุงเทพมากมาย
การสนับสนุนสามารถทำได้เพียงเรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นการสร้างพื้นที่อย่างที่ต่างประเทศเรียกว่า “Live House” ให้พวกเขาได้แสดงฝีมือ ซึ่งแน่นอนว่าที่ผ่านมาหลายคนพยายามลงทุนกับสิ่งนี้ แต่รายได้ที่คืนมามันไม่คุ้มค่า เรียกได้ว่ามีใจแต่ไม่มีกิน
จากจุดนี้ หันไปมองกทม.ของเรา กลับพบว่า ที่จริงเรามีพื้นที่อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เรียกง่าย ๆ ว่า ก็ให้รัฐลงทุนนี่แหละ จะได้ไม่ต้องคิดกำไรขาดทุนกัน
กทม.มีพื้นที่ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านนี้ได้มากมาย ตั้งแต่พื้นที่อเนกประสงค์ตามเขตต่าง ๆ ไปจนถึงฮอลล์ขนาดใหญ่เช่นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พื้นที่เหล่านี้สามารถที่จะนำมาเป็น Tourist spot ด้านดนตรีได้ โดยจัดให้ใช้สำหรับศิลปินต่าง ๆ ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่มีที่เล่นดนตรีกันประจำ เข้าไปสนับสนุนการจัดงานประจำสัปดาห์ ประจำเดือน ประจำปี นอกจากนี้ พื้นที่อื่น ๆ กทม.ก็สามารถเข้าไปร่วมมือกับเอกชนได้ในการสนับสนุนให้เป็นเวทีขัดเกลาศิลปินของเรา ให้พวกเขาได้เล่น ให้พวกเขาได้พบปะผู้คน ทำให้คนเล่นกับคนดูมาเจอกัน
แม้ว่าตอนนี้หลาย ๆ ที่เขาก็เริ่มทำกันแล้วโดยเอกชน แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง ยังจำกัดอยู่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเราสร้างสิ่งนี้ได้ ต่อมาเราก็สามารถใช้เป็นจุดขายได้ว่า ถ้าคุณมาท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครเมื่อไหร่ คุณจะได้พบเจอกับศิลปินต่าง ๆ ตลอดเวลา กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งกรุงเทพ ให้กรุงเทพกลายเป็นจุดหมายใหม่ของผู้ที่ชื่นชอบดนตรีจากทั่วโลก
ทั้งหมดจะสร้างผลบวกให้กับเมืองทั้งเมืองอย่างคาดไม่ถึง พัฒนาทั้งคนของเรา เมืองของเรา และเศรษฐกิจของเรา นี่คือการให้โอกาส และการให้โอกาสจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาต่อไป
นับจากนี้ก็หวังว่าเรื่องที่เราพูดกันจะเกิดขึ้นจริงได้ ให้กรุงเทพได้เป็นเมืองคอนเสิร์ตอย่างแท้จริง
Комментарии