top of page
  • TPD

ทางเท้า: ปัญหาโลกแตก


Voice of Bangkokians

ทางเท้า: ปัญหาโลกแตก



เราเคยพูดกันไปแล้วถึงการ “เคลียร์” สตรีทฟู้ดบนทางเท้าให้ไปอยู่เป็นที่เป็นทางกว่าเดิม แต่พูดก็พูดเถอะ ปัญหาทางเรื่องนั้นมันเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง


ทางเท้าของไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครมันมีมากกว่าการเรียงรายกันของสตรีทฟู้ด รถเข็นต่าง ๆ แต่ยังมีอีกหลายต่อหลายอย่างที่ขวางเส้นทางเดินของผู้คนที่สัญจรไปมา


และที่สำคัญคือ ยังไม่เคยมีใครเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะสามารถ “เคลียร์” ทางเท้าในกรุงเทพมหานครได้เลย


แม้ขนาดรัฐบาลทหารคสช.ในยุคหนึ่ง ก็ยังสามารถคืนทางเท้าให้ผู้คนในกทม.ได้เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น หลับไปสองสามตื่น ก็กลับมาเต็มทางเท้าอีกเช่นเคย


อีกทั้งปัญหาทางเท้ามันก็ไม่ได้มีแค่ร้านแผงลอยบนถนน แต่ยังรวมถึงการวางตั้งอะไรมั่วซั่วของภาครัฐเอง เต็มถนนไปหมด ไม่เชื่อลองเดินไปดูกันได้ ป้ายเอยอะไรเอย เพียบไปหมด


ดังนั้น ปัญหามันคืออะไรกันแน่?


หลัก ๆ แล้วประการแรกก็คือวิถีชีวิตของผู้คน ต้องยอมรับกันว่าผู้คนชาวกทม.ยังคนสัญจรกันบนบาทวิถีกันอยู่มาก นั่นทำให้มันเป็นทำเลชั้นดีเลยทีเดียวที่พ่อค้าแม่ขายจะมาใช้พื้นที่แถวนั้นทำมาหากิน ขายสินค้าอาหารที่ผู้คนต้องการอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผู้คนก็ตอบรับกันเป็นอย่างดี เพราะมันอยู่ตรงหน้าแล้ว ง่าย สะดวก รอรถเมล์อยู่ก็ซื้อได้ เดินไปทำงานก็ซื้อได้ ได้ประโยชน์กันทั้งคู่ แต่ก็อย่างที่กล่าวไปในบทความก่อนหน้า ว่ามันก็สร้างปัญหาหลายประการเช่นเดียวกัน


สิ่งที่ขวางอยู่บนทางเท้านอกจากร้านแผงลอยต่าง ๆ แล้ว ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องพิลึกกึกกือพอสมควร ก็คือเรื่องของป้ายบอกทางต่าง ๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่อย่างใด ป้ายบอกทางต่างๆ กรุงเทพมหานคร หรือแม้กระทั่งสิ่งก่อสร้างบางประการที่ก็ไม่รู้ว่าจะมาอยู่บนทางเท้าไปทำไม ก็ขวางการเดินไปมาของผู้คนได้อย่างน่ารำคาญไม่น้อยเลยทีเดียว

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องเสาไฟ เสาสายเคเบิลที่คาราคาซังกันมานานหลายสิบปี เอาลงดินยังไงก็ไม่หมดซักที และก็ไม่รู้ว่ามันจะขาดหล่นลงมาช็อตประชาชนเมื่อไหร่


เมื่อร้านแผงลอย เสาป้ายบอกทางที่ตั้งแบบงง ๆ มารวมกับเสาไฟที่สายมันยุ่งเหยิง ก็กลายเป็นทางเท้าเจ้าปัญหาอย่างที่เห็นนั่นแหละ เดินก็ยาก ลำบากทุกวินาที


อีกปัญหาหนึ่งที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้เลย และอาจจะเป็นรากของหลาย ๆ ปัญหาทางเท้าอีกด้วย นั่นก็คือเหล่าบรรดามาเฟียคุมทางเท้า พูดกันให้ชัด ๆ ไปเลย เพราะเห็นกันทุกวันอยู่แล้วว่า การที่ร้านแผงลอยต่าง ๆ ตั้งบนทางเท้าได้ โดยที่ทางภาครัฐเข้าไปจัดการไม่ได้ ก็เพราะว่ามีผู้มีอิทธิพลคอย “ดูแล” อยู่ พอมีอิทธิพลต่อรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ก็คงจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าทำไมปัญหาพวกนี้มันไม่จบไม่สิ้นเสียที ปล่อยเป็นปัญหาโลกแตกคาราคาซังกันอยู่แบบนี้


ส่วนวิธีแก้ปัญหา เรื่องวิถีชีวิตก็เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้วว่า กทม.ก็คงต้องใช้วิธีการเชิงบังคับเพื่อปรับพฤติกรรม จับร้านรวงต่าง ๆ บนทางบาทวิถีให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม แล้วก็บีบเชิงพฤติกรรมให้ผู้คนไปใช้บริการแถวนั้นกันแทน รวมถึงก็กวดขันใช้กฎหมายมากขึ้น จับจริงปรับจริงให้มากขึ้น แต่ก็อย่าทำตัวเป็นโจรเสียเอง กินสินบาทขาดสินบน แบบนี้ก็ไม่เอา


ในเรื่องเชิงโครงสร้างพื้นฐาน การออกแบบเรื่องการใช้สอยพื้นที่เพื่อวางป้าย หรือการแก้ปัญหาเรื่องเสาไฟก็คงไม่ได้ยากเกินไปในแง่วิธีการ การเอาเสาไฟลงดินได้ประโยชน์มากกว่าเรื่องทางเท้าเสียด้วยซ้ำ การเข้าไปซ่อมบำรุงก็ง่าย พัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยีก็สะดวก ประโยชน์เห็น ๆ


ส่วนเรื่องผู้มีอิทธิพล ก็อยากจะพูดเป็นเชิงขอร้องแทนว่า ภาครัฐรู้อยู่แล้วว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ยังไง เหลือแต่เพียงความกล้าเท่านั้นที่จะเข้าไปจัดการ และอยากให้มองเห็นประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ประโยชน์ของพวกและพ้อง ในเวลานี้ประชาชนจำนวนไม่น้อยกำลังเดือดร้อนจากอำนาจเถื่อน และประชาชนจำนวนมากก็กล้าพูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว ดังนั้นภาครัฐจะกล้าบ้างได้หรือยังไงในการแก้ไขปัญหานี้


ทั้งหมดนี้ อาจจะแก้ปัญหาโลกแตกเรื่องทางเท้าได้ หรืออาจจะแก้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็คงจะคุ้มแน่นอนถ้าลงมือทำ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง


Comments


bottom of page