top of page
  • TPD

กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างควรต้องลดความเหลื่อมล้ำได้


เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เป็นประธานในการหารือเวทีสาธารณะ หัวข้อ “ชำแหละกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและผลกระทบต่อรายได้ท้องถิ่น” พร้อมบรรยายเรื่อง “ผลกระทบของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต่อการจัดเก็บรายได้ของกรุงเทพมหานคร” ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร จัดโดย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ศูนย์ศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ สาระสำคัญที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้บรรยายในงานดังกล่าวก็คือ ประเด็นเรื่องข้อดี และสภาพปัญหาของภาษี ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งแนวทางความเป็นไปได้ในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวในอนาคต โดยข้อดีนั้น ผู้ว่าฯ กล่าวว่า กทม. สามารถจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ใกล้เคียงกับภาษีโรงเรือนและที่ดินเดิม มีการใช้ดุลพินิจในการประเมินภาษีน้อยลง ทำให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น เอกชนมีการนำที่ดินรกร้างมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์มากขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ภาพรวมข้อดีคือในระยะยาวอาจเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นต้น


สำหรับสิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้างก็คือ ถึงแม้จะเก็บภาษีได้เท่าเดิมแต่แหล่งที่มาของเงินคือ บางคนเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น บางคนเสียน้อยลง เช่น จากที่ได้ลงพื้นที่เขตบางกอกน้อย มี 5 หอพัก ที่จากเดิมเสียภาษีรวมกัน 1 ล้านบาท หลังจากเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษี กลับเสียแค่ 2 แสนกว่าบาท เนื่องจากถูกตีว่าเป็นที่อยู่อาศัย หรือห้างสรรพสินค้าที่อาจจะเสียภาษีลดลงถึง 50%


นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ยังกล่าวถึงการประเมินที่ดินซึ่งได้มีการปรับเกณฑ์ภาษีใหม่ โดยที่ดินแปลงใหญ่แบ่งเป็น 7 ชั้นซึ่งภาษีจะลดหลั่นลงเร็วกว่า ขณะที่คนที่มีที่ดินแปลงเล็กเสียภาษีเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นตามราคาประเมิน หรือกรณีอื่น ๆ อาทิ ราคาประเมินทุนทรัพย์ของสิ่งปลูกสร้างบางรายการไม่ครอบคลุม ทำให้ไม่สามารถประเมินภาษีได้ เช่น เสาสื่อสารส่งสัญญาณ หรือพื้นที่เกษตรจำแลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เป็นตัน


และโดยเบื้องต้นสิ่งที่ทางกรุงเทพมหานครเสนอคือ การจัดเก็บภาษีในที่ดินดังกล่าว หรืออีกกรณีที่ทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีของ กทม. ลดลงคือ การออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท ในช่วงปี 2563 และ 2564 โดยลดภาษีในอัตราร้อยละ 90 ทำให้ กทม. ขาดรายได้ไปถึง 25,000 ล้านบาท


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายในการบรรยาด้วยว่า “สำหรับกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต้องบอกว่ามีทั้งข้อดีดังที่ได้กล่าวมา แต่ในข้อที่ต้องปรับปรุง ทำให้ต้องย้อนกลับไปว่ากฎหมายฉบับนี้ที่ตั้งใจออกมาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำนั้น ลดได้จริงหรือไม่ ต้องขอฝากให้ผู้วิจัยและผู้เกี่ยวข้องช่วยกันดูว่าควรปรับปรุงในมิติไหนบ้าง เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้ลดความเหลื่อมล้ำได้จริงอย่างที่ตั้งใจ”



ดูเพิ่มเติมใน

“กทม.ชี้ กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีทั้งข้อดีและที่ต้องปรับปรุง แต่คำถามสำคัญคือลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือไม่” เข้าถึงข้อมูลที่ https://main.bangkok.go.th/.../%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8...


Comments


bottom of page